การทำงานแบบ Hybrid กำลังกลายเป็นเทรนการทำงานที่โดดเด่นหลังจากสถานการณ์โควิด-19 ตารางการทำงานที่ผสมผสานระหว่างการเข้าสำนักงานเพื่อทำงาน และทำงานนอกสถานที่ และเทรนการทำงานนร้มีแนวโน้มที่จะสูงขึ้น

     รูปแบบการทำงานแบบ Hybrid กำลังกลายเป็นางออกสำหรับการทำงานร่วมกันในอนาคต เมื่อเข้าใจคำจัดกัดความและประโยชน์ของมัน รวมถึงการจัดการเรื่องความกังวลในการทำงานของทีม ปรับให้เข้ากับการทำงานในองค์กรของคุณ สำนักงานของคุณก็จะสามารถสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ผสมผสานที่มีประสิทธิภาพที่ดี เพิ่มความยืดหยุ่น และความพึงพอใจของพนักงานของคุณได้


Hybrid Working คืออะไร?

   "Hybrid" เป็นการอธิบายรูปแบบการทำงานที่ยืดหยุ่น บางบริษัทให้พนักงานอยู่ที่สำหนักงานอย่างน้อยหนึ่งวันต่อสัปดาห์หรือในวันที่จำเป็นเท่านั้น ในขณะที่ได้รับอนุญาตให้ทำงานจากที่อื่นนอกสำนักงานได้เป็นบางครั้ง ซึ่งถึงแม้ว่าในปัจจุบันสถานการณ์แพร่ระบาดนี้ จะกลับมาเป็นสถานการณ์ปกติแล้ว แต่อิทธิพลจากรูปแบบการทำงานในช่วงนั้น ทำให้เราได้เห็นถึง ความสามารถ และ ประสิทธิภาพการทำงานอีกทั้งรูปแบบการทำงานที่ยืดหยุ่นสามารถช่วยให้พนักงานมีความสุขกับการทำงานได้มากขึ้น Hybrid working จึงกลายมาเป็นรูปแบบการทำงานที่ได้รับความนิยมอย่างมากในยุคนี้ 


ข้อดีของการทำงานแบบ Hybrid


มีความยืดหยุ่นที่การทำงานมากขึ้น

     พนักงานมีอิสระมากขึ้นในการทำงานให้เสร็จจากที่ไหน เมื่อไร และอย่างไรก็ได้ตามที่ต้องการ การทำงานแบบ Hybird จะช่วยให้พนักงานควบคุมการทำงานของตัวเองได้มากขึ้นมาจะทำงานที่ไหนในเวลาที่มีประสิทธิภาพที่สุด ไม่ว่าจะเป็นที่สำนักงานหรือที่บ้านอย่างสะดวกสบาย และในไทยเองหลายๆบริษัทก็เริ่มมีการใช้รูปแบบการทำงานนี้มากขึ้นเรื่อยๆ


เพิ่มผลผลิตจากการทำงาน

     การเลือกทำงานในสภาพแวดล้อมที่พนักงานต้องการ จะนำไปสู่การทำงานที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดการเสียสมาธิ และการโฟกัสกับงานของตัวเองที่ดีขึ้น


ลดค่าใช้จ่ายของบริษัทและการเดินทางของพนักงาน

     การทำงานที่พนักงานไม่จำเป็นต้องเข้าสำนักงาน ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายส่วนกลางของบริษัทลดลงตามไปด้วย ไม่ว่าจะเป็น ค่าไฟฟ้า ค่าน้ำ ค่าขนม เครื่องดื่มต่างๆ รวมไปถึงพนักงานที่ประหยัดเวลาและเงินในการเดินทางไปมาระหว่างบ้านและสำนักงานในแต่ละวัน


Work-life balance

     การทำงานแบบ Work-life balance เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่เป็นที่ต้องการในการทำงานยุคนี้ การทำงานที่บ้านแบบเต็มรูปแบบ (Work From Home) อาจทำให้รู้สึกโดดเดี่ยว ในขณะเดียวกันในการทำงานที่สำหนักงานในบางวันก็อาจทำให้เสียสมาธิและวุ่นวายได้ Hybrid Working สร้างสมดุลของการทำงานทั้งสองรูปแบบ ยืดหยุ่นตามวัฒนธรรมขององค์กร เพิ่มความสุขในการทำงานให้แก่พนักงาน ส่งผลให้ผลผลิตของงานดีขึ้นไปอีก


ข้อเสียของการทำงานแบบ Hybrid

     นอกจากข้อดีแล้ว Hybrid Working ก็มีข้อกังวลและข้อเสีย ผู้นำบางองค์กรมีความกังวลเกี่ยวกับการทำงานแบบ Hybrid ที่ทำให้ทีมทำงานร่วมกันได้ยากขึ้น สูญเสียความสามัคคีและการติดต่อในทีม และอาจจะต้องเพิ่มเงื่อนไขที่จำเป็นในการทำให้โมเดลการทำงานแบบ Hybrid ทำงานได้ ตัวอย่างเช่น Howard Schultz CEO ของ Starbucks กังวลว่าพนักงานที่ทำงานนอกสถานที่ของบริษัทได้สูญเสียทั้ง “ศิลปะแห่งการทำงานร่วมกัน” และ “การเชื่อมต่อกับภารกิจที่ใช้ร่วมกัน ซึ่งเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่า” พวกเขาเชื่อว่า การให้ผู้คนมารวมกันอย่างน้อยก็ได้ใช้เวลาร่วมกัน และรักษาวัฒนธรรมองค์กรที่ดี



องค์กรของคุณเหมาะกับ Hybrid Working หรือไม่?

     เป็นเรื่องสมเหตุสมผลสำหรับผู้นำส่วนหนึ่งที่มีความลังเลเกี่ยวกับการทำงาน Hybrid Working เข้ามาใช้ในองค์กร เนื่องจากความซับซ้อนเบื้องหลังการทำให้งานของออกดี แต่ข้อดีของความยืดหยุ่น การมีอิสระในการทำงาน ผลผลิตที่ดีขึ้น และการทำงานเป็นทีมที่ดีขึ้นมันคุ้มค่าอย่างยิ่ง การทำงานแบบผสมผสานสามารถทำให้ทุกคนมีสมดุลระหว่างการทำงานและชีวิตที่ดีขึ้น นั่นส่งผลให้พนักงานมีความสุขมากขึ้นและสร้างผลงานที่ดีให้กับองค์กร เมื่อนำ Hybrid Working มาใช้ในองค์กรก็ต้องมีขั้นตอนที่ช่วยวางรากฐานในการทำงานร่วมกัน

     ในบางบริษัทและพนักงานที่ใช้ Hybrid Working ในการทำงาน ต้องเผชิญและรับมือกับความท้าทายด้านความต่อเนื่องทางธุรกิจ ตัวอย่างเช่น

  1. การทำงานร่วมกันเป็นทีม
         งานบางอย่างที่ต้องทำงานร่วมกับทีมอื่น หรือแผนกอื่น ในงานจำเป็นต้องมีการสื่อสาร การทำงานที่ต้องทำร่วมกันแบบตัวต่อตัวอาจกลายเป็นปัญหาได้ อย่างไรก็ตามปัจจุบันมีเครื่องมือทำงานร่มกัน เช่น 
    Microsoft Teams สามารถช่วยแก้ไขข้อกังวลเหล่านี้ได้ เครื่องมือเหล่านี้สนับสนุนการทำงานร่วมกันโดยส่งเสริมการมีส่วนร่วมของพนักงาน
  2. การจัดการทีมในการทำงานแบบ Hybrid
         การจัดการทรัพยากรบุคคลเป็นความท้าทายอย่างยิ่งที่มาพร้อมกับสภาพแวดล้อมการทำงานแบบผสมผสาน ฝ่ายทรัพยากรบุคคล(HR) และผู้จัดการแผนก ต้องเช็คให้แน่ใจว่าพนักงานทุกคนที่ทำงานนอกสถานที่ ทำงานอยู่จริงตามตารางงานที่วางไว้ 
  3. การสร้างการเชื่อมต่อที่ราบรื่นและปลอดภัย
         เป็นอีกหนึ่งความท้าทายที่มาพร้อมกับเงื่อนไขการทำงานแบบ Hybrid ของแต่ละองค์กร 
    พนักงานในสำนักงานเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตโดยใช้เครือข่ายเดียวกัน แต่พนักงานที่อยู่ห่างไกลอาจใช้การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตส่วนบุคคล นี่อาจเป็นปัญหาสำคัญสำหรับธุรกิจหากประสิทธิภาพของการเชื่อมต่อเหล่านี้แตกต่างกันไป และอาจนำไปสู่ความเสี่ยงด้านความปลอดภัยที่เพิ่มขึ้น เพื่อจัดการกับข้อกังวลเหล่านี้ ธุรกิจต่างๆ ควรจัดหาอุปกรณ์อินเทอร์เน็ตให้กับพนักงานที่ทำงานทางไกล


องค์กรต่างๆ ก่อนจะเลือกใช้ Hybrid Working ในการทำงาน จำเป็นต้องประเมิณว่าสถานที่ทำงานเหมาะสำหรับองค์กรหรือไม่ ในบางกรณีวัฒนธรรมองค์กรอาจไม่เหมาะสมกับการเลือกใช้ Hybrid Working ในการทำงาน และสิ่งนี้อาจทำให้ความก้าวหน้าในธุรกิจช้าไปด้วย ดั้งนั้นอาจจะต้องนำปัจจัยเหล่านี้มาพิจารณาค่ะ

  • การใช้ Hybrid Working เหมาะสมกับพนักงานในองค์กรของเราหรือไม่? 
         ยกตัวอย่างเช่น พนักงานบางคนชอบให้ทีมมาแนะนำและฝึกอบรมแบบตัวต่อตัว บางคนอาจต้องการความช่วยเหลือจากผู้อาวุโส หากพนักงานส่วนใหญ่ในองค์กรชอบในการทำงานร่วมกัน การใช้ Hybrid Working ในองค์กรอาจจะไม่เหมาะสม
  • เทคโนโลยีใดบ้างที่จำเป็นในการทำให้ Hybrid Working ประสบความสำเร็จ
         องค์กรต้องพิจารณาว่าโซลูชันทางเทคโนโลยีใดที่สามารถช่วยให้พนักงานเปลี่ยนไปทำงานแบบ Hybrid ได้ ได้แก่ ระบบลงชื่อเข้าใช้งานหรือระบบลงชื่อเข้าใช้งานของพนักงาน และระบบรักษาความปลอดภัยในที่ทำงานแบบ Hybrid และองค์กรจำเป็นต้องเข้าใจว่าพนักงานในทีมจะเข้าๆออกๆ สำหนักงนบ่อยครั้ง ระบบจัดการการทำงานพนักงานออนไลน์จะช่วยติดตามเวลาการทำงานได้ง่ายขึ้น
  • จะต้องมีการเปลี่ยนแปลงอะไรในสำนักงานบ้าง?
         เมื่อองค์กรเลือกใช้การทำงานแบบ Hybrid Working องค์กรต้องพิจารณาทรัพยากรที่ใช้อีกครั้ง หากประสบความสำเร็จในการทำงานแบบ Hybrid Working องค์กรก็สามารถลดทรัพยากรที่ไม่จำเป็นในสำนักงาน หรือปรับขนาดของสำนักงานให้เล็กลง แต่อย่างไรก็ตาม องค์กรอาจจะต้องมีต้นทุนซอฟท์แวร์ที่เข้ามาจัดการบริหารการทำงานแบบ Hybrid Working มากขึ้น




Hybrid Working อาจไม่ใช่ทางเลือกในการทำงานอีกต่อไป และกำลังกลายเป็นสิ่งจำเป็นอย่างรวดเร็วสำหรับองค์กรทั่วโลก สภาพแวดล้อมจากการทำงานแบบ Hybrid Working ให้ประโยชน์แก่พนักงาน ไม่ว่าจะเป็นการปรับสมดุลชีวิตการทำงานที่ดีขึ้น (Work-life balance) นอกจากนี้ยังช่วยให้บริษัทสามารถลดต้นทุนพื้นที่สำนักงานและเพิ่มผลผลิต แต่อย่างไรก็ตามองคืกรก็ต้องพิจารณาว่าเหมาะกับวัฒนธรรมองค์กรหรือไม่ และเทคโนโลยีใดบ้างที่จำเป็นเพื่อให้มั่นใจว่าจะประสบความสำเร็จในการ Hybrid Working